Sunday, March 20, 2016

ชีวิตดีขึ้นเมื่อได้นั่งสมาธิ

             พอพูดถึงสมาธิ หลายคนมักนึกถึงภาพของนักบวช ฤาษี โยคี ดาบท คนถือศีล บำเพ็ญอยู่ในป่า และห่างไกลจากผู้คน จึงคิดว่าเป็นสิ่งไกลตัว ไม่ใช่ของเราที่ทำกัน อยากบอกตรงๆเลยว่า ท่านกำลังคิดผิด สมาธิที่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับมนุษยโลกทุกคน ยังไม่เอยถึงสรรพชีวิตอื่นเช่นเทวดาหรือพรหม ขอเอยแค่ถึงทุกๆคนบนโลกนี้แหล่ะ ถ้าเราเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น ทุกเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ภาษามีการทำสมาธิ ไม่ใช่แค่นักบวชนะครับขอบอกไว้ก่อน ขอขยายนิดหนึ่ง เพียงแต่นักบวชจะมีเวลาฝึกฝนตัวและฝึกจิตได้มาก เพราะไม่ต้องห่วงกับการเลี้ยงตัวเอง หรือเป็นชีวิตที่เรียบง่าย เดี๋ยวกลับมาที่สมาธิกันต่อนะครับ ยิ่งประเทศที่พัฒนาแล้วเช่นอเมริกา เยอรมัน อังกฤษ ฝรั่งเศษ ญี่ปุ่น จีน เป็นต้น มีการฝึกสมาธิกันเป็นพันๆปีมาแล้ว มันไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอย่างที่คิด มีเพียงแค่ที่สงบให้เรานั่งแล้วก็หลับตา ปรับกายให้สบาย วางใจให้สงบ ปล่อยอารมณ์ไปตามกระแสใจที่สงบๆ ท่ามกลางสงบ   ความสว่าง ความใส ให้ใจเราหยุดนิ่ง อยู่บริเวณกลางตัว อย่างมีสติและความสบาย มีความสุขกับการหยุดใจ เบื้องต้น 30 นาที หากมีความเพียรมีอารมณ์และมีเวลามากพอก็ขยายเวลาไปเป็นชั่วโมงหรือสองชั่วโมงหรือว่ามากกว่านั้น ทำได้ยิ่งดี เมื่อเราฝึกฝนอย่างเป็นประจำและสม่ำเสมอ จิตใจเราจะนิ่ง มีความมั่นคงไม่หวั่นไหวในอารมณ์ทั้งปวง มีสติและความจำเป็นเลิศ มีความสุขได้ในทุกที่ทุกสถาน เมื่อมีเหตุการณ์เลวร้ายเข้ามาสามารถแก้ไขได้และรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดหวังได้ดี ไม่ทุกข์เศร้าโศกเสียใจกับสิ่งนั้น ไม่ยินดีกับสิ่งนั้นมากเกินไป มองเห็นด้วยสภาวะที่ตรงตามความเป็นจริง สามารถวางใจเป็นกลางได้ 
  
                 ส่วนประสบการณ์ตรงของอาตมาเกี่ยวกับสมาธิ ตอนสมัยเป็นเด็กประถมศึกษา อาตมามีความจำที่ไม่ค่อยดีและมีผลการเรียนที่ไม่ค่อยดีนัก สอบได้รองอันดับสุดท้ายของห้อง เคยพยายามอ่านเขียนเรียนเต็มที่ก็ดีขึ้นแต่ก็ไม่มากเท่าไร หลังจากที่อาตมามาบวชสามเณรภาคฤดูร้อน ปี 2539 ณ ธุดงคสถานพิษณุโลก อบรมอยู่หนึ่งเดือนเต็มๆ ในบทฝึกฝนก็ตื่นนอนตั้งแต่เช้ามืดมาฝึกสวดมนต์ทำวัตรและนั่งสมาธิ ฝึกการทำงานเป็นทีม กินพร้อมกันเลิกพร้อมกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีพระอาจารย์หลายรูปผลัดเปลี่ยนกันมาให้ธรรมะ ที่ชอบมากก็คือธรรมบทและพุทธประวัติ ไม่เบื่อเลยตลอดโครงการ จนขออยู่ต่อจนถึงเปิดเทอม ตอนนั้นเราไม่รู้ด้วยซำ้ว่าเราได้อะไรกลับไปแต่มันมีผลกับตัวอาตมามหาศาล ตอนที่เราไปเรียนกับเพื่อนอีกครั้งในกลุ่มเดิม ความจำเราดีขึ้นมาก การวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำ ทำให้ผลการเรียนมาเป็นอันดับต้นๆของห้อง ทั้งๆที่เราไม่ได้ขยันอะไรมากนัก จากนั้นเราจึงตัดสินใจบวชทุกปีเพื่อศึกษาคำสอนพระพุทธองค์และฝึกฝนอบรมตัวเอง หลังจากที่อาตมาจบมัธยมปีที่3แล้วอาตมามาบวชเรียนที่วัดพระธรรมกายประมาณ 1 ปี บทฝึกก็คล้ายๆกันแต่มีความเข้มขึ้นมากขึ้นและเรียนมากขึ้นทั้งสามัญ นักธรรมและบาลี คือเติมเม็ดเต็มหน่วยกันเลยทีเดียว หลังจากอาตมากลับไปเรียนต่อมัธยมปลายที่บ้านเกิด ในเพื่อนกลุ่มเดิมแต่มีมากขึ้นคือนักเรียนมากจากหลายที่ การเรียนนั้นก็คล้ายๆกัน แต่ผลการเรียนกลับเป็นอันดับหนึ่งของห้อง ตั้งใจเรียนอีกหน่อยได้อันดับหนึ่งของชั้น และอันดับหนึ่งของโรงเรียน บางครั้งได้เกรดเฉลี่ย 4.00 ซึ่งเป็นสิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นตามลำดับตั้งแต่อาตมาฝึกสมาธิมา ได้ผลจริงจากการปฏิบัติจริง

                   สุดท้ายนี้อาตมาขอฝากเรื่องราวเหล่านี้ทั้งที่เป็นประสบการณ์จริงและดีจริงจึงได้นำมาบอกเล่าเก้าสิบให้เป็นแรงบันดาลใจการฝึกฝนอบรมตัวเองในรูปแบบของพระพุทธศาสนาและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันให้เกิดผลสัมฤทธิให้เกิดขึ้นกับตัวของเราเองให้ได้มากที่สุด ปล.อย่าเชื่อที่พูดแต่จงพิสูจน์ตัวของตัวและจงรับผลดีแก่ตัว แล้วอย่าลืมมาเล่าต่อกันอีกจนให้เกิดเป็นกระแสแห่งความดี และเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน เจริญพร

No comments:

Post a Comment